วันอังคารที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

วันเกิดปีสุดท้ายของ "พ่อ"

วันเกิดปีสุดท้ายของพ่อ

เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ทั้งๆที่รู้ว่า คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

ที่เราจะได้เห็นพ่อเป่าเค้กวันเกิดแบบพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้

พ่อในเวลานั้น กลายเป็นชายชรา ผมขาว

ผอมจนหน้าตอบ ตัวเล็กลงไปภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์

ไม่มีอีกแล้ว พ่อที่แสนจะเท่ห์ ตัวสูงใหญ่

แต่งตัวเนี๊ยบ ใส่น้ำหอมฟุ้ง ทุกครั้งที่ออกไปทำงาน

ภาพวันเกิดครั้งสุดท้ายของพ่อ

ยังติดอยู่ในความทรงจำไม่เคยเลือน

ทุกวันเกิดของพ่อ ความทรงจำนี้กลับมาฉายซ้ำๆ อยู่ทุกปี

ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน

เราเพิ่งคุยโทรศัพท์กับแม่ แล้วร้องไห้

เมื่อแม่บอกว่าพ่อเป็น มะเร็ง จะอยู่ได้อีก 2 เดือน

เราไม่รู้ว่าว่าถ้าไม่มีพ่อจะรู้สึกอย่างไร

ก่อนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ไกลตัวเหลือเกิน

แต่จริงๆแล้ว ความตายอยู่ใกล้กับตัวเราแค่พริบตา...

3 มีนาคม 2552

วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒

เดือนแห่งความรัก

เดือนแห่งความรัก เมื่อหลายปีที่แล้ว

พ่อคุยอวดแม่ว่า มีฅนให้เงินฉัน วันวาเลนไทม์ ด้วย ลูกเขาให้เงินฉัน สองพัน

แม่บอกว่าพ่อดีใจมาก เลยเอามาคุยอวด

เราไม่รู้หรอกว่าพ่อดีใจ

พ่อเป็นฅนเงียบๆ เฉยๆ ไม่เคยสร้างภาระอะไรให้ลูกๆต้องแบกรับ

ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากลูกๆ ไม่คร่ำครวญ โทษเวรโทษกรรม

เราไม่ได้ให้เงินพ่อเป็นประจำทุกเดือน

ให้เงินเดือน แต่แม่ฅนเดียว เพราะ แม่ไม่มีรายได้แน่นอน

เราคิดว่าพ่อคงไม่เอา เพราะพ่อยังแข็งแรง ยังทำงานมีเงินเดือน

แค่เราเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่ต้องแบมือขอเงินจากพ่ออีก พ่อคงพอใจ

เราไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลย จึงไม่ได้คิดจะให้เงินเดือนพ่อประจำ

เพียงแค่นานๆ ก็จะให้เงินพ่อเสียที

เงิน 2000 บาท ทำให้พ่อดีใจได้ขนาดนี้

ทำไมเราถึงไม่รู้นะ

เราเสียเงินมากมายไปกับเรื่องไร้สาระของตัวเองได้

ทำไมเราถึงไม่ชุกคิดว่า

ฅนที่ดีที่สุด ที่สำคัญที่สุด ที่รักเรามากที่สุด เขารอเราอยู่

พ่อไม่ได้ต้องการเงินเพื่อความสุขสบายของพ่อ

พ่อแค่รู้สึกดีใจ ในเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของลูกที่พ่อเลี้ยงดู

รู้สึกเสียใจที่เรา ไม่ได้ให้เงินเดือนพ่อเหมือนที่เราให้แม่

รู้สึกเสียใจที่ทำให้พ่อดีใจ น้อยเกินไป

วันนี้ ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว

เราจึงได้แต่รู้สึกเสียใจอยู่จนทุกวันนี้...

วันอังคารที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒

สัญญาครั้งสุดท้าย

วันนั้นเรามาเยี่ยมพ่อที่นอนไม่รู้สึกตัวอีกครั้ง

ทั้งที่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วพ่ออาการดีขึ้นมาก

ดูสดใสขึ้น จนคิดว่าอีกไม่นานก็คงได้กลับบ้าน

เราจำไม่ได้ว่าวันนั้นเราหยุดงาน หรือลากลับบ้านมาครึ่งวัน

แต่มาวันนั้นพ่ออาการไม่ค่อยดีแม่บอก เมื่อเจอหน้าเรา

แม่บอกให้เราเข้าไปบอกพ่อว่าอย่าได้ห่วงอะไร

เราเข้าไปยืนข้างเตียงพ่อ

จับมือ จับตัว จับขาของพ่อ

พ่อนอนไม่รู้สึกตัว แขนขายังบวมเหมือนเดิม

เราก้มลงบอกพ่อว่า

พ่อ ถ้าพ่อไม่ไหวแล้ว พ่อไปเถอะนะ

อย่าทรมานอีกเลย พ่อไม่ต้องห่วงแม่

ลูกของพ่อฅนนี้จะดูแลแม่เอง

ส่วนพี่ชาย เขาก็มีครอบครัวแล้ว เขาดูแลตัวเองได้

พ่อหลับให้สบายอย่าห่วงอะไร

พ่อที่นอนไม่รู้สึกตัว ไม่มีการตอบสนองใด ใด

แต่ เราเห็นน้ำตาที่ผุดขึ้นมาจากตาที่หลับสนิทของพ่อ

เราไม่รู้ว่าพ่อรับรู้ไหม ในเรื่องที่เราพูด

ตี2 คืนนั้น... พ่อก็จากไป

เราจำคำพูดที่พูดกับพ่อได้เสมอ

คำสัญญาสุดท้ายที่ให้กับพ่อ

และเป็นคำสัญญาครั้งแรก ที่เราสัญญากับพ่อ...

31 มกราคม 2552

วันศุกร์ที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

“พาโธ” (Patho)

พาโธ (Patho)

เป็นที่รู้จักของใครหลายๆฅน ที่นี่

ใช้โรงอาหารเป็นที่ กินอยู่หลับนอน

พาโธ อัธยาศัยดี กับทุกๆ ฅน

มักดีใจทุกครั้งที่ เห็นฅนนั้นฅนนี้ เดินเข้ามา

พาโธไม่บงบอกสายพันธุ์ที่แน่นอน

ตอนหนุ่มๆพาโธ น่าจะดูดีอยู่ไม่น้อย

ที่มักจะเห็นพาโธทำบ่อยๆ จนอดยิ้มไม่ได้ทุกทีคือ

การที่พาโธชอบ เอาสีข้างไปถูกับต้นไม้

กลับไปกลับมา อย่างเมามัน

ด้วยความที่ผ่านโลกมาอย่างโชคโชน

ร่างกายพาโธเลยไม่ค่อยสมบรูณ์

เวลาเดิน พาโธจะเดินเอียงๆ เสียศูนย์นิดหน่อย

และคงเพราะ ค่อนข้างจะมีอายุ

ที่มาของชื่อพาโธ นะหรือ

มาจากคำว่า “Pathology” ที่แปลว่า พยาธิวิทยา

เพราะ พาโธมีร่องรอยของพยาธิสภาพเยอะมาก

หลายๆ ฅนจึงเห็นว่าเหมาะกับชื่อนี้

พาโธ คงเล็งเห็นแล้วว่า

ในบั้นปลายชีวิต

ควรจะฝากฝังชีวิตไว้ที่นี่

ที่ คณะสัตวแพทย์ น่าจะดีที่สุด

ใช่ไหมพาโธ...

วันพุธที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

แมลงปอตัวแรกของปี…

เห็นเจ้าแมลงปอปีกบางตัวหนึ่ง

บินไปมาอย่าง งงๆ

คงเพิ่งออกมาสู่ฟ้ากว้างครั้งแรก

เคยมีใคร สักฅนบอกว่า

เมื่อไหร่ที่เห็นแมลงปอเริ่มออกบิน

นั่นคือสัญญาณของการเริ่มต้น

เริ่มต้นมีชีวิตบนฟ้ากว้าง

หลังจากฝั่งตัวใต้น้ำ มานาน

เริ่มต้นของฤดูหนาว

ไม่รู้ เพราะเคลิ้มหรืออ่อนไหวง่าย

ทุกครั้งที่เห็นแมลงปอ

มักจะนึกถึงลมหนาว

ตื่นเต้น

ตื่นเต้นกับเวลาของฤดูหนาว

ที่กำลังจะเริ่ม อีกในไม่ช้า... (มั้ง)