วันอังคารที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐

"ในความทรงจำ..."

เวลาผ่าน คืนวันเปลี่ยน เส้นทางของชีวิตลิขิตให้บังเอิญมาเจอกัน แม้ชั่วเพียงเศษเสี้ยวของวันเวลา ยังคงมีรอยยิ้มแฝงไว้ในความทรงจำ...

วันพุธที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐

"วันที่ฅนไทยรอคอย..."

เมื่อคืนได้ดูโทรทัศน์เห็นแถลงการณ์จากสำนักพระราชวัง ว่าในหลวงทรงหายพระประชวรแล้ว... ดีใจจัง

พรุ่งนี้จะเสด็จกลับวัง ช่างเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับฅนไทย ในเวลานี้

ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปรอรับเสด็จให้ได้

ตั้งแต่เช้า รอฟังข่าวว่าในหลวงจะเสด็จออกจากโรงพยาบาลกี่โมง ข่าวก็ไม่บอกเสียทีนะ

กำลังกินข้าว พอข่าวบอกว่า มีการเตรียมรับเสด็จในหลวง

เก็บข้าวไว้ก่อนแล้วกัน รีบคว้ากล้องออกจากบ้าน

มุ่งหน้าไปรอรับเสด็จตรงถนนราชดำเนินใกล้ที่สุด

ฅนเยอะเต็มสองฝากถนน ทุกฅนล้วนมีจุดหมายเดียวกันคือ...

มารอรับเสด็จในหลวงของเรา

ทุกฅนล้วนแต่ชะเง้อมองไปในทิศทางเดียวกัน รอคอยด้วยใจจดจ่อ

คุณยายแก่ๆฅนหนึ่ง มานั่งรอชะเง้อแล้วชะเง้ออีก ด้วยใบเปื่อนยิ้ม

ทุกฅนล้วนมีรอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนๆกัน

มีฝรั่งชายหญิงคู่หนึ่งก็มาหยุดรอดู ฝรั่งผู้หญิงมานั่งคลุกเข่าอยู่ใกล้ๆ เหมือนที่ฅนไทยทำ

แล้วเธอก็หันมายิ้มให้ เราก็ยิ้มตอบกลับไป

มีชาวญี่ปุนที่ลงมาจากรถที่มาจอดติดขบวน ลงมาถ่ายภาพที่ฅนไทยมาเฝ้ารอรับเสด็จตลอดสองข้างทาง

และแล้วเวลาที่ทุกฅนรอคอยก็มาถึง

แค่เห็นรถนำขบวนแล่นเข้ามาในสายตา ทุกฅนก็โบกธงพร้อมทั้งส่งเสียง

"ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ" ดังไปทั้งถนน

ขบวนเสด็จค่อยๆแล่นผ่านมา ในหลวงทรงโบกพระหัตถ์ให้กับประชาชนของท่าน ตลอดเส้นทาง

จนเราเองลืมที่จะถ่ายรูป ได้แต่มองพระองค์ท่านที่ประทับอยู่ในรถที่ค่อยๆเคลื่อนผ่านไป

บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร รู้แต่ว่าเราเองก็มีน้ำตาคลอๆเมื่อเห็นพระองค์ทรงโบกพระหัตถ์และทรงแย้มพระสรวล

และนี่ก็คืออีกวันหนึ่งที่ประชาชนฅนไทยรอคอย มาตลอดยี่สิบกว่าวัน

คอยที่ไนหลวงของพวกเราจะทรงหายพระประชวร และเสด็จกลับวัง

ไม่รู้ว่าชาวต่างชาติเขาจะเข้าใจในความรู้สึกที่ฅนไทยทุกฅนรู้สึกต่อในหลวงของเราไหมนะ

เขาจะเข้าใจไหมว่า "เรารักในหลวง"